Monday, November 17, 2008

การถ่ายภาพกีฬา (Sports Photography)


การถ่ายภาพกีฬาถ้าเป็นกีฬาที่มีความรวดเร็ว ควรใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างมากๆเพื่อให้มีความเร็วชัตเตอร์สูง เช่น f/2,f/2.8 หรือใช้ฟิล์มที่มีความไวแสงที่สูงขึ้นถ้าเป็นภาพกีฬากลางแจ้งที่ไม่สามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงหยุดการเคลื่อนไหวอาจเปลี่ยนไปใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำแทนซึ่งภาพที่ได้จะดูเบลอรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวได้
กีฬาในร่มสามรถเลือกใช้แฟลชซึ่งสามรถหยุดความเคลื่อนไหวของสิ่งที่เคลื่อนไหวต่างๆได้เพราะช่วงแวบของแฟลชนั้นสั้นมาก 1/500-1/2000 วินาที
ในบางโอกาสอาจต้องใช้เลนส์อื่นๆเช่น เลนส์ตาปลาสามรถใช้ถ่ายภาพนักบาสเกตบอลที่กำลังชู้ทลูกลงห่วง หรือใช้เลนส์มุมกว้างถ่ายภาพในระยะใกล้เช่นกีฬาชกมวยและใช้เลนส์เทเลโฟโต้เพื่อถ่ายภาพระยะไกล เช่น การแข่งพายเรือ
การเลือกมุมมองมีผลต่อภาพกีฬาอย่างมาก โดยทั่วไปมักเลือกมุมที่ต่างจากะดับสายตาเช่น มุมต่ำ มุมสูง

แล้วแต่ชนิดของกีฬาด้วยครับ กีฬาต่างชนิดกันก็ใช้่เทคนิคที่ต่างกันครับ
ยกตัวอย่าง-ฟุตบอล

  • ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เร็ว เล่นกันแรง เพราะ์ฉะนั้น จึงต้ิิองใช้ ความเร็วของชัตเตอร์ที่สูง อย่างน้อย 1/250 ครับพยามยามเล็งกล้องไปที่ผู้แข่งคนใด คนหนึ่งครับ ตามตัวผู้แข่งคนนั้นไปครับ
  • ระดับในการถ่ายภาพ ควรจะนั่งยองๆหรือ คุกเข่าสูงครับ จะได้มุมมองการถ่ายภาพที่ ดีกว่าการยืนครับช่วงโฟกัสของเลนส์ไม่ใช่ปัจจัยหลักครับ เพราะแล้วแต่ประเภทกีฬาครับ อย่างสมมติ ผมผมถ่ายกีฬา แบดมินตัน แบบชิดขอบสนามเพื่อให้ได้ฉากในการช้อนลูกขึ้นมา ผมไม่มีความต้องการที่จะ ใช้เลนส์ความยาวโฟกัส 100mm ขึ้นไปเลยครับ
  • ที่สำคัญคือ จุดที่ยืนครับ เท่าที่ผมถ่ายมา ถ้าทีม a แข่งกับทีม b ถ้าผมต้องการจะถ่ายทีมaทำประตู หรือ action ของนักกีฬาทีมa ผมจะยืนห่างจาก โกล์ ของทีมb ไปทางซ้ายหรือทางขวาก็ได้ ประมาณ 5 เมตร ครับ หรือไม่ก็แถวๆมุมสนามก็ได้ครับ จะได้มุมที่ต่างกันพอสมควรครับ
  • ไม่เฉพาะฟุตบอลอย่างเดียว แต่กีฬาทุกประเภท ต้องมีlocation ที่ดีในการยืนครับ จึงจะได้ มุมภาพที่ดี actionที่เกิดบ่อย ณ จุดนั้น ออกมาครับที่สำคัญที่สุด
  • ในการถ่ายภาำพกีฬาคือ ต้องเคยดูกีฬาที่เราจะถ่ายนั้นมาบ้างแล้วพอสมควรครับ จึงจะเดาได้ ว่าต้องอยู่ตรงไหน ทำอย่างไร